นักข่าว: คุณช่วยอธิบายให้ผู้อ่านฟังได้ไหมว่าคอเลสเตอรอลคืออะไร? และมันมีลักษณะอย่างไร?
Prof. Dr Nitipong Wansarit: ฉันจะไม่ให้คำอธิบายของสารนี้ที่นี่ เนื่องจากมีการเขียนไว้ในตำราทางการแพทย์แล้ว ฉันขออธิบายง่ายๆ ให้คุณจินตนาการว่า คอเลสเตอรอลเปรียบเสมือนไขมันส่วนเกินที่เหลืออยู่ในกระทะที่ยังไม่ได้ล้างหลังอาหารเย็น แผ่นไขมันสีขาวบนกระทะเป็นภาพที่แม่นยำที่สุดในการอธิบายคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด
เมื่อสารนี้สะสมและเกาะติดกับผนังหลอดเลือดจะทำให้ขนาดหลอดเลือดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก่อน (ใน 20-25 ปี) จากนั้นชั้นคอเลสเตอรอลจะทำให้หลอดเลือดผิดรูป (ในอีก 25-40 ปีข้างหน้า) . เมื่ออายุเกิน 40 ปี คอเลสเตอรอลจะส่งผลต่อความเร็วของการขนส่งเลือดในร่างกาย เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หัวใจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มความดันในการสูบฉีดเลือด ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง อธิบายได้ว่าทำไม 80% ของผู้สูงอายุในประเทศไทยจึงมีความดันโลหิตสูง แต่นี่ไม่ใช่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด!
ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุดคือเมื่อคอเลสเตอรอลอุดตันหลอดเลือด ผลที่ได้คือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะในร่างกายลดลง สิ่งนี้นำไปสู่โรคเรื้อรังร้ายแรงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดคอและไหล่ ปวดขา เวียนศีรษะ เวียนศีรษะ หลงลืม...
คำบรรยายภาพ: เมื่ออายุ 50-60 ปี คนเราสะสมคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดได้ถึง 3.5 กิโลกรัม!
กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ว่าคนเราอยากจะมีสุขภาพที่ดีหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของหลอดเลือดในร่างกายเป็นอย่างมาก หากหลอดเลือดอุดตันบริเวณแขนขาส่วนล่าง จะมีอาการเจ็บและบวมที่ขาถาวร หากหลอดเลือดในตับมีการปนเปื้อนจะทำให้เกิดไขมันเกาะตับและโรคตับแข็ง หากหลอดเลือดในข้อต่อทำให้เกิดโรคข้ออักเสบ ข้อเข่าเสื่อม และกระดูกสันหลังเสื่อม... หากหลอดเลือดในดวงตาอุดตัน จะทำให้การมองเห็นบกพร่องและอาจตาบอดได้ หลอดเลือดที่ปนเปื้อนยังเป็นสาเหตุของการแก่ชราของผิวหนังอย่างรวดเร็ว
สาเหตุหลักของการเสียชีวิตในประเทศไทย
การปนเปื้อนของหลอดเลือดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! และเป็นมลพิษของหลอดเลือดที่ทำให้อายุขัยของบุคคลสั้นลงเหลือน้อยกว่าอายุขัยที่ธรรมชาติกำหนดไว้ แทนที่จะมีชีวิตอยู่ 120 ปี (นี่คือทรัพยากรที่ร่างกายเรามี) คุณจะมีอายุได้ไม่เกิน 70 ปี โดยเฉพาะคนที่มีความดันโลหิตสูงสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียง 40-50 ปีเท่านั้น!